หากจะพูดถึงการซื้อทองคำให้เป็นของขวัญ หลาย ๆ คนคงจะนึกถึงการซื้อทองรูปพรรณ อย่าง สร้อยทอง,แหวนทอง,สร้อยข้อมือ ฯลฯ แต่ในปัจจุบัน ทองคำแท่ง ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน และดูเหมือนว่าจะเพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งสาเหตุที่ทำให้คนไทยนิยมซื้อทองแท่งให้เป็นของขวัญ ก็มาจากปัจจัยเหล่านี้
1. ซื้อถูก ราคาขายออกทองคำแท่งจะถูกกว่าราคาขายออกทองรูปพรรณ เนื่องจากบวกค่าแรงน้อยกว่า
ซึ่งราคาขายทองรูปพรรณจะคิดจาก ราคาขายออกทองแท่ง + ค่าแรงเฉลี่ยตามเกณฑ์สมาคมฯคือ 500 บาท สมมุติ ราคาขายออกทองแท่ง ณ วันนั้น บาทละ 22,000 บาท
ราคาขายออกทองรูปพรรณคือ 22,000 + 500 = 27,000 บาท
โดยร้านทองแต่ละร้านจะคิดค่าแรงไม่เท่ากัน บางร้านอาจคิดสูงถึง 10 % เลยก็มี ดังนั้นทองแท่งจึงเป็นทางเลือกสำหรับคนที่มีงบประมาณจำกัด
2. ขายแพง ราคารับซื้อทองคำแท่งจะแพงกว่าราคารับซื้อทองรูปพรรณ เพราะเวลาเอาสร้อยทองไปขาย ร้านทองจะหัก 5 % จากราคารับซื้อทองคำแท่ง เช่น สมมุติราคารับซื้อทองแท่ง ณ วันนั้น บาทละ 20,000 บาท
ราคารับซื้อทองรูปพรรณคือ 20,000 - 5 % = 19,000 บาท
ซึ่ง 5 % เป็นเกณฑ์มาตรฐานที่ทาง สคบ. กำหนด โดยบางร้านอาจมีการหักมากกว่านี้ เพราะต้องบวกต้นทุนอื่น ๆ เช่น ค่าประกัน,ค่าขนส่ง,ค่าจ้าง,ค่าเช่า ฯลฯ ดังนั้น ทองแท่ง นอกจากจะเป็นของขวัญที่ล้ำค่าแล้ว ยังถือเป็นหลักประกันการเงินสำรองให้คนรับด้วย
3. ค่ากำเหน็จถูกกว่า ค่าแรงของทองคำแท่ง ถูกกว่า เพราะขั้นตอนการผลิตไม่ยุ่งยากซับซ้อนเหมือนขั้นตอนการผลิตทองรูปพรรณ ไม่มีการใช้น้ำประสานทองเพื่อต่อชิ้นทองเป็นลวดลาย ทำให้เวลาขายไม่โดนหักซึ่งค่าแรงทองแท่ง 1 บาทจะอยู่ที่ราว ๆ 100-400 บาท ส่วนค่าแรงทองรูปพรรณจะแพงกว่าจนถึงหลักพันก็มี ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของลวดลายที่ผลิต
4. ลวดลายสวยชัดเจน ทองแท่งมีเนื้อที่เยอะ ทำให้มองเห็นลายทองได้อย่างชัดเจน โดยการทำลวดลายทองแท่งจะเป็นการพิมพ์ลายบนเนื้อทอง ซึ่งปัจจุบันลวดลายทองแท่งมีความหลากหลาย สวยงาม เช่น ลายอักษรจีน,ลายหงส์-มังกร,ลายกราฟฟิก ฯลฯ และยังมีแพคเกจจิ้งที่สวยงามด้วย ซึ่งเหมาะสำหรับการให้เนื่องในวันสำคัญต่าง ๆ
5. ไม่เสื่อมสภาพง่าย ทองแท่งจะถูกบรรจุอยู่ในหีบห่อที่แข็งแรง ทำให้โอกาสที่ทองจะชำรุด,บุบ,หักหรือขาด มีน้อยมาก จึงเน้นเก็บเป็นสมบัติ,ทรัพย์สิน,เป็นมรดกตกทอดให้ลูกหลานหรือใช้ในพิธีสำคัญๆ เช่น งานแต่ง,งานวันเกิด,งานทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ฯลฯ โดยตัวบรรจุภัณฑ์เองก็มีการออกแบบลวดลายที่สวยงามเข้ากับเทศกาลวันสำคัญต่างๆ ด้วย
6. โอกาสสูญหายน้อย ทองรูปพรรณ การใช้งานคือใส่ประดับร่างกาย ทำให้มีโอกาสสูงที่จะสูญหายได้ง่ายกว่า ส่วนทองคำแท่ง การใช้งานส่วนใหญ่จะเน้นเก็บไว้เป็นสมบัติ,ทรัพย์สิน,เป็นมรดกตกทอด รวมถึงการเก็งกำไร ทำให้โอกาสที่ทองแท่งจะสูญหายได้น้อยกว่าทองรูปพรรณ ซึ่งการเก็บรักษาทองแท่งหากเก็บไว้ในที่ปลอดภัย จะช่วยให้เก็บได้นาน นำออกมาใช้ในยามที่จำเป็นเท่านั้น
7. เน้นขายเก็งกำไร เนื่องด้วยส่วนต่างราคารับซื้อทองคำแท่งต่างกับราคารับซื้อทองรูปพรรณพอสมควร ทำให้การขายทองแท่งจึงได้กำไรดีกว่า ซึ่งหากทองแท่งน้ำหนักครบ เนื้อทองไม่ขาด ก็จะได้ราคารับซื้อเต็มจำนวน ดังนั้น ทองแท่งจึงเป็นที่นิยมสำหรับการซื้อเก็งกำไร
จะเห็นว่าราคาทองคำแท่งและราคาทองรูปพรรณ จะมีราคาขายออก,ราคารับซื้อต่างกันพอสมควร แม้ว่าจะมีน้ำหนักทองเท่ากันก็ตาม และวิธีเลือกซื้อทองคำแท่งถือว่าง่ายกว่าวิธีเลือกซื้อพวกสร้อยทอง,แหวนทอง,สร้อยข้อมือ ฯลฯ เพราะไม่ต้องวัดขนาดให้วุ่นวาย และหากคุณไม่ได้สนิทสนมกับผู้รับมากถึงขั้นรู้ไซต์ข้อมือ,นิ้ว,รอบคอขนาดนั้น การซื้อทองแท่งให้เป็นของขวัญถือเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด